นั่งรถไฟครั้งแรกในชีวิต ก็ตอนอายุ 17 ปี ประสบการณ์การนั่งรถไฟครั้งแรกเป็นอะไรที่สนุก เป็นการเดินทางที่สบายๆ ชิลๆ ได้ดูวิวสองข้างทาง การนั่งรถไฟครั้งนั้นเป็นจุดเริ่มต้นทำให้ผมรักการเดินทางด้วยรถไฟเป็นชีวิตจิตใจ จากวันนั้นถึงวันนี้ก็ 10 กว่าปีแล้ว สถิติการนั่งรถไฟไทยน่าจะ 100 กว่าเที่ยว
สำหรับทริปนี้ ไทฟิน ดอทคอม จะพาทุกคนนั่งรถไฟไปเที่ยว "ทางรถไฟสายมรณะ" หรือภาษาอังกฤษเรียกว่า "The Death Railway" ที่ จ.กาญจนบุรี ขอบอกไว้ก่อนว่าทริปนี้เราจะไม่ขอรีวิวเนื้อหาในแง่ความโหดร้ายของสงคราม แต่เราจะรีวิวในมุมที่ว่ามันเป็นที่เที่ยวที่สวยงามแห่งหนึ่งของกาญจนบุรี
ข้อมูลอัพเดต ณ วันที่ 19 ตุลาคม 2561
โปรแกรมท่องเที่ยวของการรถไฟแห่งประเทศไทย ใช้ชื่อว่า "นั่งรถไฟเที่ยวน้ำตกไทรโยคน้อย" เป็น One Day Trip หากใครอยากเที่ยวทางรถไฟสายมรณะ ก็ต้องนั่งขบวนนี้
ขบวน 909 กรุงเทพฯ - น้ำตก : ขาไปใช้เวลาเดินทางทั้งสิ้น 5 ชั่วโมง (6.30 - 11.30 น.)
ขบวน 910 น้ำตก - กรุงเทพฯ : ขากลับใช้เวลาเดินทางทั้งสิ้น 5 ชั่วโมง (14.25 - 19.25 น.)
ข้อมูลเพิ่มเติมก่อนการเดินทาง
จากการโทรสอบถาม Call Center ของการรถไฟแห่งประเทศไทย เบอร์โทรศัพท์ 1690 เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2561 ได้ข้อมูลสรุปดังนี้
1. การจองตั๋วโดยสาร
1.1 จองผ่าน Call Center โทร 1690
ต้องโทรจองล่วงหน้าอย่างน้อย 5 วัน ไม่นับวันที่เดินทาง ยกตัวอย่างเช่น หากจะเดินทางไปเที่ยวในวันเสาร์ที่ 10 พฤศจิกายน 2561 ก็ต้องโทรศัพท์ไปจองตั๋วภายในวันที่ 5 พฤศจิกายน 2561 (วันที่ 6,7,8,9,10 โทรจองไม่ได้)
1.2 จองที่สถานีรถไฟ
จองได้ทุกสถานีในเวลาทำการ (เวลาเปิดปิดของแต่ละสถานีไม่เท่ากัน) อยู่ใกล้สถานีไหนก็จองสถานีนั้น วิธีนี้ไม่มีเงื่อนไขจองล่วงหน้าอย่างน้อย 5 วัน คือ ถ้ามีที่นั่งว่างไปจองที่สถานีวันไหนก็ได้
หมายเหตุ ข้อ 1.1 กับ 1.2 สำรองที่นั่งสูงสุดได้ 90 วัน ไม่นับวันเดินทาง
2. วันที่รถไฟเปิดให้บริการเส้นทางรถไฟสายมรณะ
ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์
+++ จากประสบการณ์การจองตั๋ว ต้องจองล่วงหน้าอย่างน้อย 1 เดือนถึงจะมีที่นั่งว่าง เนื่องจากทางรถไฟเส้นนี้มีนักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและต่างประเทศต้องการไปเที่ยวจำนวนมาก +++
หลังจากทราบข้อมูลก่อนการเดินทางคร่าวๆ แล้ว เรามาเริ่มทริปกันเลย
เช้านี้ตื่นนอน 6 โมงเช้า ต้องไปขึ้นรถไฟขบวน 909 ที่สถานีชุมทางบางซื่อในเวลา 6.51 น. แต่ความเป็นจริงมาถึงที่สถานี 6.52 น. ปรากฏว่าขึ้นรถไฟไม่ทัน ตกรถไฟ !!! ทำให้ต้องเปลี่ยนแผนกระทันหัน เปลี่ยนไปนั่งรถตู้จากหมอชิตเพื่อมาดักรอที่สถานีสะพานแควใหญ่ (ตรงสะพานข้ามแม่น้ำแคว) รถตู้มาถึงที่สถานีสะพานแควใหญ่ เวลา 9.25 น. รู้สึกโล่งอกมาถึงก่อนรถไฟขบวน 909 จะเข้าจอด ประมาณ 10 นาที ฉิวเฉียดมากเลย !!!
ที่สถานีสะพานแควใหญ่นี้รถไฟจะจอดให้นักท่องเที่ยว ได้เที่ยวชมถ่ายรูปสะพานข้ามแม่น้ำแคว ประมาณ 25 นาที (9.35 - 10.00 น.)
วันนี้ที่สะพานข้ามแม่น้ำแคว นักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติเยอะมากๆ ส่วนมากคนที่มาเที่ยวกาญจนบุรีต้องมาเที่ยวถ่ายรูปที่สะพานแห่งนี้
เวลา 10.00 น. ก็ได้เวลาขึ้นรถไฟเพื่อออกเดินทางต่อ เจ้าหน้าที่บนรถไฟก็แปลกใจเล็กน้อยว่าทำไมพึ่งมาเห็นที่สถานีสะพานแควใหญ่ ไม่มีอะไรมากครับ "ผมขึ้นรถไฟที่บางซื่อไม่ทัน"
รถไฟเคลื่อนตัวออกช้าๆ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูปวิวระหว่างข้ามสะพาน นักท่องเที่ยวที่ยืนบนสะพานต่างยกโทรศัพท์ขึ้นมาเซลฟี่คู่กับรถไฟที่กำลังแล่นผ่าน
หลังจากรถไฟผ่านพ้นสะพานข้ามแม่น้ำแควมาแล้ว เส้นทางต่อจากนี้ไปเป็นจุดเริ่มต้นของความฟิน วิวระหว่างทางสวยงามมาก ห้ามพลาดเด็ดขาด !!!
จากการสังเกตุพบว่า บนรถไฟไม่ได้มีเฉพาะคนไทยยังมีฝรั่งและคนญี่ปุ่นเป็นจำนวนมาก ซึ่งพอจะบอกได้ว่าเส้นทางรถไฟสายมรณะเส้นนี้ไม่ได้มีชื่อเสียงเฉพาะในเมืองไทยเท่านั้น
ภาพด้านล่างเป็นวิวไร่มันสำปะหลัง ช่วงระหว่างสถานีบ้านเก่าถึงสถานีบ้านตาเสือ
รถไฟวิ่งมาถึงที่สถานีท่ากิเลน ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากอุทยานประวัติศาสตร์เมืองสิงห์ (แต่ไม่ได้ไปเที่ยวเนื่องจากไม่มีในโปรแกรม) พอถึงที่ท่ากิเลนทุกคนต่างตื่นเต้นเพราะสถานีหน้าเป็นสถานีถ้ำกระแซ ไฮไลท์ของทริปนี้เลย
จากสถานีท่ากิเลนรถไฟวิ่งมาประมาณ 15 นาที ก็ผ่านรีสอร์ทก่อนถึงทางรถไฟริมหน้าผาบริเวณถ้ำกระแซ ภาพด้านล่างน้องเสื้อน้ำเงินดูตกใจกับวิวข้างหน้ามากๆ !!!
นั่งรถไฟมาเพื่อวิวข้างหน้านี้โดยเฉพาะ ยิ่งเป็นครั้งแรกที่ได้มาเห็นยิ่งตื่นเต้น เป็นภาพที่สวยงามจริงๆ
ในที่สุดก็ถึงแล้วทางรถไฟฝั่งหนึ่งหน้าผา อีกฝั่งเป็นแม่น้ำแคว ตรงบริเวณนี้รถไฟจะวิ่งช้าๆ เพื่อความปลอดภัยและให้นักท่องเที่ยวได้มีโอกาสซึมซับบรรยากาศมากที่สุด
ความฟินยังไม่หมดแค่นี้ ต่อจากสถานีถ้ำกระแซไปจนถึงสถานีเกาะมหามงคลก็สวย วิวข้างทางเป็นภูเขามีต้นไม้เขียวขจีอยู่เต็มไปหมด
ช่วงก่อนถึงสถานีน้ำตก จะมีทางรถไฟช่วงหนึ่งที่เป็นทางชัน รถไฟจะวิ่งได้ช้ามาก
เวลา 11.30 น. หลังจากที่นั่งรถไฟมานาน ก็มาถึงยังสถานีปลายทางนั่นคือ "สถานีน้ำตกไทรโยคน้อย" หรือเรียกสั้นๆว่า "สถานีน้ำตก" ได้เวลาลงจากรถไฟไปยืดเส้นยืดสาย
น้ำตกไทรโยคน้อย เคยมาเที่ยวแล้วเลยไม่รู้สึกตื่นเต้นอะไร ก็เลยไม่แวะไปถ่ายรูป
เลยตัดสินใจไป "พุต้นน้ำ" แทน ห่างจากสถานีรถไฟ 1,200 เมตร เป็นต้นน้ำของน้ำตกไทรโยคน้อย สำหรับการเดินทางไปพุต้นน้ำมีรถรับส่ง ค่าโดยสารราคาไปกลับ 40 บาท
ใช้เวลาไม่ถึง 5 นาที ก็ถึงที่พุต้นน้ำ
จุดนี้เจ้าหน้าที่อุทยานบอกว่าเป็นตาน้ำ มีลักษณะเป็นรูที่น้ำผุดขึ้นมาจากใต้ดิน เป็นจุดเริ่มต้นของน้ำตกไทรโยคน้อย
งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกลา เวลา 14.25 น. ก็ได้เวลานั่งรถไฟขบวนเดิมกลับไปกรุงเทพฯ แต่ขากลับจะเรียกขบวนนี้ว่า ขบวน 910
ผ่านหน้าผาแถวๆถ้ำกระแซอีกครั้ง
ขากลับรถไฟมาจอดที่สถานีกาญจนบุรี เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้มีเวลาไปแวะชมสุสานทหารพันธมิตร
เวลา 16.53 น. รถไฟก็ออกจากสถานีกาญจนบุรี เพื่อกลับเข้ากรุงเทพฯ
อนุสรณ์สถานยุทธนาวีที่เกาะช้าง จ.ตราด
สุสานทหารสัมพันธมิตรดอนรัก จ.กาญจนบุรี
วัดนครโกษา จ.ลพบุรี
หมู่บ้านโปรตุเกส จ.พระนครศรีอยุธยา
ค้นหาที่เที่ยวใกล้ตัวด้วยพิกัดปัจจุบัน
gps_fixedค้นหาจากพิกัดปัจจุบัน
ระยะทาง 0.014 กม.
ถ้ำกระแซ จ.กาญจนบุรี
ระยะทาง 1.057 กม.
พิพิธภัณฑ์ถ้ำเชลย จ.กาญจนบุรี
ระยะทาง 1.536 กม.
ปางช้างไทรโยค จ.กาญจนบุรี
ระยะทาง 6.811 กม.
อุทยานประวัติศาสตร์เมืองสิงห์ จ.กาญจนบุรี