หลังจากที่วางแผนเที่ยวบึงกาฬมาหลายเดือน รอจังหวะที่เพื่อนร่วมทริปพร้อมกันทุกคน ผ่านมา 4 เดือนก็ได้เวลาออกทริป วันนี้เราจะพาทุกคนไปเที่ยวยังสถานที่ที่เว็บไซต์ Thaifinn.com ให้เป็นที่เที่ยวที่ Unseen ที่สุดในประเทศไทย นั่นคือ "ภูทอก จังหวัดบึงกาฬ"
วันศุกร์ที่ 20 พฤษภาคม 2559 เวลา 12.20 น. ขึ้นเครื่องจากสนามบินดอนเมืองมาลงที่สนามบินอุดรธานี พอลงเครื่องก็เช่ารถที่สนามบินขับมาที่ตัวเมืองหนองคายแวะทานข้าว และไหว้หลวงพ่อพระใส วัดโพธิ์ชัย ไหว้พระเสร็จก็ขับรถเข้าตัวเมืองบึงกาฬ เพื่อเช็คอินโรงแรมที่จองไว้
ข้อแนะนำการเดินทางจากสนามบินอุดรธานีไปภูทอก
1. เช่ารถยนต์ที่สนามบินอุดรธานี เราขอแนะนำว่าควรหาเพื่อนมาร่วมทริปซัก 3-4 คน เพื่อจะได้แชร์ค่าเช่ารถ เพราะค่าเช่ารถถือว่าแพง ประมาณ 1,000 บาท/วัน เช่ารถเสร็จใช้ Google Map นำทางไปที่ภูทอกได้เลย วิธีนี้สะดวกที่สุดแล้ว
2. หากไม่เช่ารถยนต์ ก็นั่งแท็กซี่มาลง บขส.อุดรธานี แล้วต่อรถประจำทาง สายอุดร-บึงกาฬ แล้วลงรถที่อำเภอศรีวิไล แล้วก็หารถเหมาเข้าไปยังภูทอก วิธีนี้จะค่อนข้างลำบาก
3. หากไปเที่ยวคนเดียวต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย แนะนำให้เช่ามอเตอร์ไซต์ในตัวเมืองอุดรธานี แล้วขับไปภูทอก วิธีนี้อาจจะปวดเมื่อยคอและหลังหน่อย แต่ก็เป็นทางเลือกหนึ่ง
เช้าวันเสาร์ที่ 21 พฤษภาคม 2559 เวลา 06.30 น. เริ่มออกเดินทางจากโรงแรม เพื่อไปยัง ภูทอก สถานที่เที่ยวที่อยากไปมานานแล้ว พวกเรารู้สึกตื่นเต้นมากๆเลย
ภาพด้านล่าง เป็นวิวข้างทางยามเช้าที่สวยจนต้องจอดรถถ่ายรูป
เช้านี้อากาศค่อนข้างสดใส วิวยามเช้าช่างสวยงามฟินสุดๆ ในรูปจะเห็นเป็นภูเขา 2 ลูก
1. ภูเขาลูกเล็กๆ ซ้ายมือ นั่นคือ ภูทอกน้อย เป็นที่ตั้งของวัดภูทอก (ภูเขาที่เราจะพิชิตกัน)
2. ภูเขาลูกใหญ่ ขวามือ นั่นคือ ภูทอกใหญ่ ไม่สามารถขึ้นไปเที่ยวได้
เข้าใกล้ภูทอกขึ้นเรื่อยๆ แต่ทำไมรู้สึกตื่นเต้นขนาดนี้ อาจจะเป็นเพราะอยากมาเที่ยวนานแล้ว เคยเห็นแต่ใน Youtube รอที่จะเห็นใกล้ๆ ไม่ได้แล้ว !!!
นั่นไง ภูทอกน้อย ที่ตั้งของวัดภูทอก มองไกลๆ ยังหวาดเสียว จะขึ้นไปไหวไหมเนี่ย 555 ใจคอเริ่มไม่ดีแล้ว
วัดเจติยาคีรีวิหาร (วัดภูทอก) ตั้งอยู่ที่ บ้านคำแคนพัฒนา หมู่ที่ 6 ตำบลนาแสง อำเภอศรีวิไล จังหวัดบึงกาฬ
ขับรถเข้าไปจอดที่บริเวณวัด ใช้เวลาขับรถจากตัวเมืองบึงกาฬมาที่ภูทอก ประมาณ 1 ชั่วโมง มาถึงที่วัด 7.30 น. ยังไม่มีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวซักคน พวกเรามาถึงเป็นกลุ่มแรก
ก่อนเดินขึ้นเขา ขอนั่งพักตรงศาลาข้างๆสระน้ำก่อน ในรูปด้านหลังสระน้ำนั่นคือ เจดีย์พิพิธภัณฑ์ พระอาจารย์จวน กุลเชฎโฐ
เวลา 8.00 น. ได้เวลาพิชิตภูทอกน้อย ใจเริ่มเต้นแรงขึ้น อะดรีนาลีนในร่างกายเริ่มทำงาน ก่อนขึ้นก็แวะไหว้พระ เอาฤกษ์เอาชัย
สำหรับการขึ้นไปชมภูทอกน้อย มีเวลาเปิดปิด คือ 8.00-17.00 น.
จุดเริ่มต้นสำหรับการขึ้นไปพิชิตภูทอก แต่ก่อนจะขึ้นต้องอ่านกฏระเบียบในการมาเยี่ยมชมก่อน
เริ่มต้นที่ ชั้นที่ 1 จะเป็นทางเดินที่สองข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้นานาชนิด ชั้นนี้เดินยังชิลๆ เบาๆ สบายๆ
เรามาต่อกันที่ชั้นที่ 2 ลักษณะของชั้นที่ 2 จะเป็นทางราบสลับกับบันไดไม้ ยังไม่มีความชันใดๆ เดินได้สบายๆ เป็นทางเดินบริเวณตีนเขา ต้นไม้สองข้างทางเขียวขจี อากาศที่นี่สดชื่นมาก
และแล้วก็เดินมาถึงที่ ชั้น 3 จะมีสองทางแยกให้เลือกนั่นคือ
ทางซ้ายมือ เป็นทางลัดที่จะขึ้นไปชั้น 4 และชั้น 5 ซึ่งทางขึ้นค่อนข้างชัน ถึงแม้จะมีความชันแต่ก็มีข้อดีตรงที่ใช้เวลาน้อยและไม่ต้องผ่านหน้าผาที่มีความเสียว ซ้ายมือนี้เหมาะกับคนที่กลัวความสูงหรือมีเวลาค่อนข้างน้อย
ทางขวามือ เป็นทางอ้อมขั้นไปชั้น 4 ทางขวานี้จะเดินไกลหน่อยและคุณจะได้สัมผัสกับความหวาดเสียวเต็มพิกัด ปกติถ้าจะเที่ยวให้ครบทุกจุดต้องขึ้นทางขวามือ
จากตรงทางแยก พวกเราไทฟิน ดอทคอม เลือกที่จะขึ้นทางขวามือ รูปด้านล่างนี่คือจุดเริ่มต้นของ ชั้น 4 ที่เป็นทางอ้อม ขอบอกไว้ก่อนนะครับว่าข้างบนไม่มีร้านค้า ควรพกน้ำไปด้วย 1-2 ขวดต่อคน และที่สำคัญให้นำขยะกลับลงมาทิ้งข้างล่างให้ถูกที่ด้วย
คิดถูกไหมเนี่ยที่เลือกทางขวา ขาสั่น ใจสั่น เสียงสะพานไม้ที่เสียดสีกันเวลาเดินมันทำให้รู้สึกหวิวๆ ต้องยืนอยู่กับที่เพื่อให้กำลังใจตัวเอง ต้องเรียกความมั่นใจกลับมาโดยเร็ว ก่อนที่จะเดินไปต่อ
จากชั้น 4 มองไปจะเห็นศาลาและกุฏิที่อาศัยของพระ ซึ่งตั้งอยู่บนชั้น 5 บันไดที่ชันๆ นั่นคือเส้นทางของคนที่เลือกทางซ้าย (ทางลัด)
ปกติก็ไม่ใช่คนที่กลัวความสูงมาก แต่ที่รู้สึกขาสั่นน่าจะมาจากกลัวว่าสะพานไม้มันจะพังนี่แหละ อีกอย่างราวกั้นสะพานค่อนข้างจะเตี้ย ดูโล่งๆไม่น่าไว้ใจยังไงไม่รู้ ขอแนะนำทุกคนที่จะไปเที่ยวว่าให้เดินอย่างมีสติตลอดเวลา
รูปภาพด้านล่าง จะเป็นบันไดทางขึ้นไปชั้น 5
มา !!! เรามาต่อกันที่ ชั้น 5 ชั้นนี้เป็นชั้นที่มีความหลากหลายที่สุด แต่ยังไม่หวาดเสียวที่สุด !!! บนชั้น 5 จะมีทั้งกุฏิพระ ศาลา หน้าผา ถ้ำต่างๆ รวมทั้งพุทธวิหาร
วิวด้านล่างถ่ายรูปจากชั้นที่ 5 ต้องบอกเลยว่าบึงกาฬเป็นจังหวัดที่อุดมสมบูรณ์มากๆ ต้นไม้ที่เห็นน่าจะเป็นต้นยางพารา
ชั้นที่ 5 จะใช้เวลาค่อนข้างนาน สำหรับนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวชั้น 5 นี้ต้องอยู่ในอาการสำรวมและเงียบที่สุด เพราะมีพระปฏิบัติธรรม (ที่จริงก็ต้องสำรวมตลอดเวลา)
อย่างที่บอกว่าชั้น 5 มีความหลากหลาย บางช่วงก็เป็นบันไดไม้ บางช่วงเป็นหน้าผา บางช่วงมีถ้ำ หรือจะเป็นทางเดินธรรมดาที่ไม่ใช่บันไดไม้ก็มี
ภาพด้านล่างนั่นคือสะพานไม้ชั้นของที่ 6 ชั้นที่สวยและหวาดเสียวที่สุด มองขึ้นไปแล้วก็รู้สึกภูมิใจ "ช่างไทยเก่งไม่แพ้ชาติใดในโลก" เก่งมากสร้างได้ยังไง !!!
เรายังอยู่กันที่ชั้น 5 อยู่นะครับ ขอแทรกเกร็ดความรู้นิดหนึ่ง
พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ ผู้ที่ริเริ่มก่อตั้งวัดภูทอกบนภูทอกน้อยแห่งนี้ ท่านมรณภาพจากเหตุการณ์เครื่องบินตกที่คลองสี่ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เมื่อวันที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2523
หินก้อนกลมๆ ที่มองเห็นนั่นคือที่ตั้งของ "พุทธวิหาร" อันเป็นสถานที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ดูแล้วก็มีความคล้ายกับพระธาตุอินทร์แขวนที่ประเทศพม่า ต้องบอกเลยว่าภูทอกแห่งนี้มีความมหัศจรรย์เป็นสถานที่ที่มีอะไรให้ค้นหาอีกมาก ไม่ธรรมดาจริงๆ
ยังอยู่ในชั้นที่ 5 อยู่นะครับ และแล้วก็เดินมาถึง พุทธวิหาร ก็เข้าไปไหว้พระและนั่งพักประมาณ 10 นาที
ในอดีตพุทธวิหารแห่งนี้ไม่มีสะพานไม้เชื่อมระหว่างสะพานหินกับพุทธวิหาร มีความเชื่อว่ามีเพียงพระอรหันต์ท่านผู้ทรงอภิญญา เหาะเหินเดินบนอากาศเพื่อข้ามไปที่หินลูกนี้ได้ แต่ปัจจุบันได้สร้างสะพานไม้เชื่อมต่อระหว่างสะพานหินกับพุทธวิหารแล้ว ซึ่งสะพานมีความยาวประมาณ 10 เมตร
มองจากพุทธวิหารจะเห็นสะพานไม้ชั้น 6 ที่สุดของความหวาดเสียวที่รอเราอยู่
รูปภาพด้านล่างมองไปฝั่งทิศเหนือนั่นก็คือ ภูทอกใหญ่
หมายเหตุ : ภูทอก ในภาษาอีสานแปลว่า ภูเขาที่โดดเดี่ยว ภูทอกที่บึงกาฬมี 2 ลูก คือ ภูทอกน้อยและภูทอกใหญ่ ซึ่งภูทอกที่เราสามารถเที่ยวได้คือ "ภูทอกน้อย"
ประวัติคร่าวๆของภูทอก
จากชั้น 5 ได้เวลาขึ้นไปที่ ชั้น 6 ไทฟิน ดอทคอม ขอบอกเลยว่าพลาดไม่ได้ ชั้นนี้เป็นชั้นที่มีจุดชมวิวที่สวยและหวาดเสียวที่สุด
ถ้าจำไม่ผิดนะครับจากชั้น 5 ขึ้นไปที่ชั้น 6 จะขึ้นได้สองทาง
ทางขึ้นที่ 1 เป็นบันไดไม้อยู่ช่วงแรกๆของชั้น 5 ซึ่งทางขึ้นที่ 1 นี้จะไม่ผ่านพุทธวิหาร (หินก้อนกลมๆ)
ทางขึ้นที่ 2 เป็นบันไดไม้แถวๆ พุทธวิหาร ถ้าเราขึ้นจุดนี้จะได้สัมผัสกับสะพานไม้ที่สวยและเสียวที่สุดของชั้น 6
ถึงแล้วชั้นที่ 6 ไม่ต้องบรรยายอะไรมาก ขอบรรยายด้วยภาพถ่ายก็แล้วกัน
นับถือฝีมือและหัวใจของช่างจริงๆ ต้องใช้ความพยายามขนาดไหนถึงสร้างสะพานไม้นี้จนสำเร็จ
ยังอยู่ในชั้นที่ 6 พอผ่านสะพานไม้ที่สวยที่สุดมาก็จะเจอทางเดินที่เป็นดิน
มาวัดใจที่สะพานไม้อีกครั้ง เป็นสะพานไม้ช่วงที่สองของชั้น 6 บอกเลยว่าความเสียวระดับเต็ม 10 (จุดที่หวาดเสียวที่สุดของภูทอก) หายใจไม่ทั่วท้องกันเลยทีเดียว บางจุดต้องหมอบและเอียงตัวเพื่อเดินผ่าน บางช่วงสะพานก็แคบมาก ช่วงนี้ต้องใช้ความระมัดระวังให้มากๆ มีสติทุกการก้าวเท้า
พอผ่านสะพานไม้ช่วงที่สองมา ก็จะเจอทางเดินที่เป็นดินช่วงที่สองของชั้น 6 เดินสบายหน่อยช่วงนี้ พอได้พักหายใจหายคอบ้าง
เดินมาเรื่อยๆ จะเจอบันไดไม้ขึ้นไปที่ ชั้น 7 ชั้นที่สูงที่สุดของภูทอก ตามพวกเรามาเราจะพาไปพิชิตสวรรค์ชั้น 7 บันไดตรงจุดนี้มีความชันมาก ต้องจับราวบันไดให้แน่นๆเข้าไว้
ถึงแล้วสวรรค์ชั้นที่ 7 ไม่มีสิ่งก่อสร้างใดๆ ธรรมชาติล้วนๆ กว่าจะมาดูวิวตรงนี้ได้ต้องบุกป่าฝ่าดงกันเลยทีเดียว เนื่องจากข้างบนเป็นป่ารก เวลาเดินควรระมัดระวังสัตว์มีพิษด้วย !!!
เนื่องจากที่ชั้น 7 ไม่มีราวกั้นใดๆ และมีลักษณะเป็นหน้าผาสูง ต้องเดินด้วยความระมัดระวัง ให้พยายามจับต้นไม้กิ่งไม้เวลาเดินเพื่อป้องกันการลื่นไถล
++++ ด้วยความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติของภูทอกน้อยเอง บวกกับความศรัทธาในพระพุทธศาสนาของชาวบ้าน ทำให้พวกเรามายืนถ่ายรูปตรงจุดนี้ ++++
ใช้เวลาเที่ยวภูทอก 5 ชั่วโมงเต็มๆ (7.30 -12.30 น.) เที่ยวเสร็จก็ได้เวลากลับ ขากลับหิวข้าวมาก ใช้พลังงานไปเยอะเลย ก็แวะกินข้าวร้านอาหารอีสานไม่ไกลจากวัด มีให้เลือกหลายร้านอยู่ รสชาติก็โอเค ฝากท้องได้
Thaifinn.com ขอบอกเลยว่า "ภูทอก จ.บึงกาฬ เป็นที่เที่ยวที่ Unseen ที่สุดในประเทศไทย"
#ความจริงก็คือความจริง
#ภูทอกบึงกาฬ Unseen ที่สุดในไทย
วัดถ้ำบาดาล (ท้าวเวสสุวรรณร่างมนุษย์) จ.สระบุรี
ผามออีแดง จ.ศรีสะเกษ
บ่อพันขัน จ.ร้อยเอ็ด
ละลุ จ.สระแก้ว
ค้นหาที่เที่ยวใกล้ตัวด้วยพิกัดปัจจุบัน
gps_fixedค้นหาจากพิกัดปัจจุบัน
ระยะทาง 5.122 กม.
น้ำตกเจ็ดสี จ.บึงกาฬ
ระยะทาง 6.03 กม.
น้ำตกชะแนน จ.บึงกาฬ
ระยะทาง 7.337 กม.
น้ำตกถ้ำพระ จ.บึงกาฬ
ระยะทาง 9.322 กม.
เกาะดอนหม้อทอง (วังรัตพานคร) จ.บึงกาฬ