เช้าวันอาทิตย์ที่ 30 ธันวาคม 2561 อากาศที่ตัวเมืองเลยมีเมฆมากเหมือนฝนจะตก รู้สึกผิดหวังนิดหนึ่งที่มาเที่ยวจังหวัดเลยทีไรก็เจอแต่อากาศแบบนี้ ทริปนี้เราเริ่มออกเดินทางจากโรงแรมเวลา 7.00 น. เพื่อไปเที่ยวที่ถนนคนเดินเชียงคานในตอนเช้า กว่าจะเที่ยวที่ถนนคนเดินเชียงคานเสร็จก็เวลาประมาณ 11.30 น. จากนั้นได้เวลาออกเดินทางต่อไปยังที่เที่ยวใหม่ที่เปิดมาได้ประมาณ 2 ปี นั่นคือ "ภูชมลาว" 

ผู้ร่วมทริปทุกคนต่างรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เห็นวิวเส้นทางเชียงคาน-ท่าลี่ ซึ่งผู้ร่วมทริปแต่ละคนยังไม่เคยมีใครเคยผ่านเส้นทางนี้มาก่อน อย่างที่เห็นในภาพสองข้างทางจะเต็มไปด้วยป่าไม้และภูเขา โดยรวมแล้วป่าค่อนข้างอุดมสมบูรณ์ สภาพพื้นถนนก็โอเค

นานๆ จะมีรถขับสวนมา ถนนเส้นนี้เลียบแม่น้ำโขงก็จริง แต่นานๆทีถึงจะเห็นวิวแม่น้ำโขง ซึ่งต่างจากเส้นทางเชียงคานไปหนองคายที่จะได้เห็นวิวแม่น้ำโขงเกือบตลอดเส้นทาง

ขับรถมาได้ประมาณ 40 นาที ถึงเห็นมีหมู่บ้าน ก่อนหน้านี้ข้างทางไม่มีหมู่บ้านเลย ไทฟิน ดอทคอม ก็อยากจะฝากคนที่จะไปเที่ยวด้วยว่าให้เช็คสภาพรถให้พร้อมทุกอย่างก่อนออกเดินทาง

พอผ่านสามแยกด่านศุลกากรท่าลี่ ก็จะเห็นยอดของภูชมลาว ยอดเขาที่เราจะไปเที่ยวกันในวันนี้ ดูแล้วภูเขาลูกนี้ไม่น่าจะสูงมาก ต้องบอกว่าอีกหนึ่งเหตุผลที่เราเลือกมาเที่ยวที่ภูชมลาวเพราะนักท่องเที่ยวไม่เยอะ ไม่ต้องแย่งกันกินแย่งกันเที่ยว พวกเราอยากมาเที่ยวแล้วได้เที่ยวแบบพักผ่อนจริงๆ

เลยแยกด่านศุลกากรท่าลี่มาประมาณ 1 กิโลเมตร จะเจอป้ายให้เลี้ยวซ้ายไปภูชมลาว หลังจากเลี้ยวซ้ายมาขับรถตรงไปอีก 850 เมตร ก็จะถึงจุดจอดรถตรงตีนเขา ซึ่งต่อจากนี้เราจะขับรถขึ้นไปต่อไม่ได้ ต้องนั่งรถอีแต๊กของกลุ่มชาวบ้านต่อขึ้นไป

ตรงบริเวณจุดจอดรถมีร้านค้าไว้บริการนักท่องเที่ยว เป็นร้านค้าของกลุ่มสมาชิกเครือข่ายชาวบ้านแถวนั้น การมาเที่ยวที่ภูชมลาวแห่งนี้ยังเป็นการได้ช่วยสนับสนุนการท่องเที่ยวโดยชุมชน สำหรับพิกัดของจุดจอดรถทางขึ้นภูชมลาว คือ 17.676738, 101.385815 

ระยะทางจากถนนคนเดินเชียงคานมายังจุดจอดรถทางขึ้นภูชมลาว เกือบ 60 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางจริง 1 ชั่วโมง 20 นาที

ภาพด้านล่าง คือ "รถอีแต๊ก" ที่จะพาเราขึ้นไปชมภูชมลาว มีไว้บริการนักท่องเที่ยวหลายคันซึ่งแต่ละคันก็สวยมีสเน่ห์ต่างกัน รถอีแต๊ก 1 คันสามารถบรรทุกผู้โดยสารได้ไม่เกิน 5 คนต่อเที่ยว ส่วนค่าบริการไปกลับอยู่ที่คนละ 50 บาท (ราคา ณ วันที่ 30 ธันวาคม 2561) ซึ่งราคานี้ถือว่าไม่แพงเลย

ได้เวลานั่งรถอีแต๊กขึ้นไปยังยอดภูชมลาว สภาพถนนก็จะประมาณนี้ นานๆทีได้นั่งรถอีแต๊กทำให้รู้สึกฟินมาก ได้สัมผัสถึงธรรมชาติข้างทาง บรรยากาศคันทรี่ๆ 

ไทฟิน ดอทคอม ขอแนะนำว่า ให้นั่งตรงที่นั่งด้านหน้ารถอีแต๊ก จะเห็นวิวทางขึ้นที่สวยงามกว่านั่งด้านหลัง และที่สำคัญจะไม่เหม็นกลิ่นควันน้ำมันรถ ภาพด้านล่างจะเห็นว่าทางขึ้นเขาจะเริ่มชัน ยิ่งชันยิ่งรู้สึกสนุก ถ้าไม่เชื่อก็ต้องลองไปนั่งดู

ใช้เวลานั่งรถอีแต๊กประมาณ 25 นาที ก็ถึงจุดพักรถยอดภูชมลาว 

จากจุดพักรถต้องเดินขึ้นบันไดดินอีกประมาณ 150 เมตร เพื่อไปยังยอดภูชมลาว ข้างบนยอดก็มีร้านค้าเช่นกัน เป็นร้านค้าของสมาชิกเครือข่ายชาวบ้าน 

พอเดินขึ้นมาถึงข้างบนยอดภูชมลาว จะมีแคร่ไม้ไผ่ไว้ให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูป 3 จุด ซึ่งแต่ละจุดก็สวยต่างกัน บนยอดเขาสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ได้ 360 องศา แต่วันนี้เป็นน่าเสียดายที่พวกเราขึ้นมาแล้วไม่ได้เห็นทะเลหมอก

จากการสอบถามลุงอ้อน คนขับรถอีแต๊กที่พาพวกเราขึ้นมายังยอดภูชมลาว ลุงบอกว่าเดิมทีภูชมลาวชาวบ้านแถวนี้จะเรียกว่า "ภูฮวก" ต่อมาได้เปิดเป็นที่ท่องเที่ยวเลยต้องเปลี่ยนชื่อให้น่าสนใจจึงกลายมาเป็นภูชมลาวในปัจจุบัน

ลุงอ้อน ยังให้ข้อมูลอีกว่า ภูชมลาว เปิดให้ท่องเที่ยวทุกวัน ตั้งแต่ 05.00 - 17.00 น. สำหรับใครที่อยากเห็นทะเลหมอก ต้องขึ้นมาบนยอดเขาในช่วงเวลา 5.30 - 6.30 น.

ภูชมลาวแห่งนี้มีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง ประมาณ 440 เมตร ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่บ้านนากระเซง ต.อาฮี อ.ท่าลี่ จ.เลย

ในภาพจะเห็นแม่น้ำ นั่นคือ "แม่น้ำเหือง" ฝั่งซ้ายจะเป็นประเทศลาว ฝั่งขวาจะเป็นประเทศไทย

อาคารหลังคาสีแดงๆ ที่เห็นในภาพนั่นคือ "ด่านศุลกากรท่าลี่" จะเห็นสามแยกที่พวกเราขับรถผ่านมา

หลังจากที่ได้เที่ยวถ่ายรูปวิวข้างบนอย่างเต็มอิ่ม 1 ชั่วโมง ก็ได้เวลานั่งรถอีแต๊กลงเขา (ตอนลงก็ต้องนั่งรถอีแต๊กคันเดิม)

ความฟินของการมาเที่ยวภูชมลาว คือ การได้นั่งรถอีแต๊กขึ้นลงเขานี่แหละ อีกอย่างก็คือนักท่องเที่ยวน้อย ไม่ต้องแย่งกันเที่ยว ขอบคุณสำหรับการติดตามเว็บไซต์ Thaifinn.com แล้วเจอกันใหม่ในทริปต่อไป

#นั่งรถอีแต๊กขึ้นภูชมลาว

#ภูชมลาวไม่ต้องแย่งกันเที่ยว